ลูกบอลดับเพลิงติดรถนั้น ถือเป็นนวัตกรรมที่ดีมากๆ ที่ล้ำหน้า นำสมัย เหมาะแก่การใช้งาน ในปัจจุบันที่โลกของเราก้าวไกลไปมาก สิ่งต่างๆล้วนต้องการความปลอดภัยและความรวดเร็ว อะไรที่เราเคยใช้ได้ในสมัยก่อนนั้น ปัจจุบันนี้ก็อาจจะไม่ดีพอ และใช้งานไม่ได้ แล้วก็เป็นได้ หรือบางสิ่ง บางอย่างนั้น สะดวกสบาย
ลองคิดดูในสมัยก่อนนั้น มีความจำเป็นที่จะใช้งานลูกบอลดับเพลิงติดรถมากน้อยเพียงใด อาจจะไม่จำเป็นเท่าในปัจจุบันก็ได้ เพราะจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นก็มีน้อยกว่า จำนวนรถบนท้องถนนก็มีน้อยกว่า หากมีรถน้อย อุบัติเหตุบนท้องถนนก็น้อยกว่า
หากในตอนนั้นมีใครเอาลูกบอลดับเพลิงติดรถออกมาขายก็คงจะขายไม่ได้ เพราะตลาดยังไม่ใหญ่ พอยังไม่คุ้มทุน เช่นเดียวกันในอดีตนั้น เมื่อรถน้อยลง การจราจรก็ไม่ได้ติดขัดสักเท่าไหร่ และชีวิตก็ไม่ได้เร่งรีบมากมายเหมือนในปัจจุบัน อุบัติเหตุบนท้องถนน ก็ย่อมน้อยกว่า จำนวนถนน สายต่างๆก็ยังมีไม่มากเท่า สถานการณ์ที่รถจะเกิดอุบัติเหตุแบบที่จำเป็นต้องใช้ลูกบอลดับเพลิงติดรถนั้น ส่วนมากจะไม่ได้อยู่กับถนนเล็กๆ แบบตรอก ซอย ซอย แต่มักจะเกิดกับถนน ที่มีขนาดใหญ่ เช่น พวก ทางหลวง ไฮเวย์ ถนน เส้นหลักต่างๆ เพราะอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้นั้น ย่อมไม่ใช่การเฉี่ยวชนกันเล็กๆน้อย แต่ต้องเป็นการชนกันขนาดใหญ่ ที่มีแผลของรถขนาดใหญ่ และมีการรั่วไหลของน้ำมันออกมา ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้
นอกจากนี้อุบัติเหตุแบบที่จำเป็นต้องใช้ลูกบอลดับเพลิงติดรถ ก็จะเกิดกับการขับรถที่เร็วเกินไป จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น เช่น เบรกแตก หรือสูญเสียการควบคุมรถ ทำให้รถเกิดหมุน หรือชนกับต้นไม้ เสาไฟฟ้า ข้างทาง ในกรณีนี้ รถจะไม่ระเบิดทันที แต่มีอันตรายมาก เพราะเกิดอุบัติเหตุ และความร้อนขึ้นกับตัวเครื่อง และหากมีน้ำมันไหลออกมา เจอกับความร้อนที่มากเพียงพอนั้น จะทำให้รถเกิดเพลิงลุกไหม้ และเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ในกรณีที่รถเติมก๊าซนั้น ยิ่งอันตรายใหญ่ เพราะรถจะไม่เกิดแต่เพลิงไหม้เท่านั้น รถที่เติมก๊าซ จะระเบิดได้เลยทีเดียว เพราะธรรมชาติของก๊าซนั้น จะลุกลามไปได้ทั่ว และไม่ทราบทิศทางที่แน่นอน ไม่เหมือนน้ำมันที่เราจะยังทราบได้บ้าง ว่าจะไหลไปทิศทางใด และทิศทางที่เพลิงลุกไหม้นั้น ก็จะเป็นไปตามที่น้ำมันไหลออกไป จริงๆ แล้วกรณีแรกที่เราควรจะทำในทุกกรณีก็คือการหนีออกจากรถให้เร็วที่สุด เพราะไม่มีอะไร สำคัญเท่ากับชีวิตของเรา ทรัพย์สินต่างๆ นั้นไม่ตายก็หาเอาใหม่ ได้ ตราบใดที่ชีวิตยังคงอยู่ แต่หากมัวแต่ห่วงทรัพย์สิน มัวแต่เก็บนู่น เก็บนี่ นั้น สุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่มีเวลาเอาชีวิตรอดออกมา เพื่อใช้ทรัพย์สินที่มัวแต่เก็บเหล่านั้นก็ได้
ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเราหนีออกมาแล้ว เราก็สามารถจะเข้าไปตามเก็บทรัพย์สินเหล่านั้นได้ เมื่อเพลิงไหม้ เสร็จสิ้น และทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ได้ไหม้ไฟ แต่ในส่วนของทรัพย์สินที่สามารถไหม้ไฟ หรอเสียหายจากความร้อนนั้น เราไม่ควรจะเสียดาย เพราะแค่ตอนที่รถชนนั้น ทรัพย์สินเหล่านั้นก็มีแนวโน้มจะเสียหายไปไม่น้อย อยู่แล้ว ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าเราจะเก็บทรัพย์สินเหล่านั้นออกมาได้ ก็มีแนวโน้มไม่น้อย ที่จะเสียหายจนใช้การไม่ได้ไปเสียแล้ว ยิ่งในส่วนของตัวรถนั้น เรายิ่งไม่ควรจะเสียดาย คิดมากอะไรเลย เพราะรถส่วนใหญ่นั้น มีประกันอยู่แล้ว เราสามารถไปตามเคลมประกันเอาได้ ในภายหลัง ถ้าเราไม่ยอมทำประกัน หรือทำประกันชั้นที่ไม่ครอบคลุม หรือครอบคลุมไม่เพียงพอนั้น ก็ช่วยไม่ได้ ที่จะเป็นความผิดของเราเอง และเราต้องรับผิดชอบเอง ที่ไม่ได้ทำประกันภัยอะไรเหล่านั้น ดังนั้น คงไม่มีอะไร สำคัญเท่ากับชีวิตของเราแน่ๆ
อย่างไรก็ตามในบางกรณีนั้น ที่เหตุการณ์ที่เป็นอุบัติเหตุไม่ได้รุนแรงมาก เช่นมีการจุดบุหรี่ หรือจุดไฟ แล้วไฟเกิดลุกวาบไหม้ขึ้นมา ถ้าคนขับมีสติพอ ก็สามารถใช้ลูกบอลดับเพลิงติดรถ ขว้างลงไปในกองไฟที่ติดขึ้นมานั้น เพื่อจำกัดความเสียหายได้ เพราะลองคิดดูหากเราไม่มีสติ หนีออกมา โดยไม่มีความพยายามจะดับไฟเล็กน้อยเหล่านั้น กลายเป็นว่าเพลิงไหม้ เสียหายทั้งคันได้ จากที่จะเสียหายเพียงเล็กๆ น้อยๆ หรืออีกกรณีที่เราหนีออกมาจากรถได้แล้ว พบว่าเพลิงไหม้นั้น ไม่ได้ใหญ่ โตและอยู่ในวิสัยที่จะควบคุมได้ หรือเมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาแล้ว ไม่มีเครื่องมือดับเพลิงอื่นใด ใกล้เคียง เช่นไม่มีท่อ เพื่อต่อน้ำ ในบริเวณใกล้เคียง และไม่มีถังดับเพลิง ก็อาจจะใช้ ลูกบอลดับเพลิงติดรถ นี้ ขว้างลงไปในกองเพลิง เพื่อดับเพลิงที่ลุกไหม้เหล่านั้นได้
ทั้งนี้ การที่เราจะตัดสินใจใช้ลูกบอลดับเพลิงติดรถ หรือไม่นั้น ควรจะต้องใช้วิจารณญาณให้จงหนัก สำนึกแรกนั้น ควรจะเป็นการหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุให้รวดเร็วที่สุด ก่อน หากหนีออกมาได้แล้ว หรือมั่นใจจริงๆว่าเราสามารถควบคุมเพลิงไหม้ในสถานการณ์นั้นๆ ได้ เราจึงตัดสินใจดับเพลิงเอง ไม่ว่าจะใช้ลูกบอลดับเพลิงติดรถหรืออุปกรณ์อื่นใดก็ตาม
และที่สำคัญอีกประการคือ การใช้อุปกรณ์ใดๆ หรือการตัดสินใจที่จะดับเพลิงเองนั้น ควรอยู่บนพื้นฐาน ความรู้ ความเข้าใจ ของผู้ใช้อุปกรณ์นั้นอย่างดีที่สุดอีกด้วย ไม่เช่นนั้น อาจนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงได้
